คุณมนัส ปิยะชโลทร เ

ตำแหน่ง:จ้าของกิจการ
บริษัท: บริษัท เอ็น วาย ฟิล์ม จำกัด

“NY” พอใจ “Dilli” ต่อยอดงานพิมพ์

 

 

               กว่าที่ใครสักคนจะฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการจนสามารถตั้งหลักปักฐานเป็นเจ้าของกิจการของตนเองได้อย่างน่าความภาคภูมิใจนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าปราศจากเสียซึ่งความขยันหมั่นเพียร ความซื่อสัตย์ ความอดทนสูง และมีความรับผิดชอบต่อภารกิจการงานเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับคุณมนัส ปิยะชโลทร เจ้าของกิจการ บริษัท เอ็น วาย ฟิล์ม จำกัด ที่วารสาร “ข่าวสารในวงการพิมพ์” จะขอนำเสนอให้คุณๆผู้อ่านได้ทำความรู้จักกันในฉบับนี้นะคะ คุณมนัส เริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยการเป็นช่างฟิล์มดูแลด้านงานหนังสือพิมพ์หลายฉบับ และเคยทำงานโรงพิมพ์ด้วย ได้เก็บเกี่ยวความรู้ ความชำนาญทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องสีทางการพิมพ์จนมั่นใจดีแล้ว จึงได้ลาออกมาเปิดกิจการรับแยกสี ทำเพลท เป็นของตนเองตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 โดยตั้งสำนักงานอยู่แถวถนนราชพฤกษ์ กรุงเทพฯ จนถึงปัจจุบัน คุณมนัสเล่าว่า...“ช่วงที่เปิดบริษัทใหม่ๆนี่ ลำบากมาก ตอนนั้นผมกับแฟนยังต้องเช่าตึกเขาอยู่ ยังไม่มีลูกน้อง ต้องทำงานเองทุกอย่าง ติดต่อหาลูกค้าเอง รับงานเอง ส่งงานเอง เขียนบิลเอง ฯลฯ

 

         พอกิจการเริ่มจะดี มีลูกน้องเป็นสิบ เศรษฐกิจกลับตกต่ำ เป็นยุคต้มยำกุ้ง งานเก่าก็หดหาย งานใหม่ก็ไม่มี จนคิดจะปิดกิจการไปเลย ก็นอนคิดอยู่หลายคืนทีเดียว แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจสู้ต่อ และที่อยู่มาได้จนทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะผมเชี่ยวชาญทำงานเก่ง แต่เป็นเพราะผมมีความพยายาม มีความอดทนทุ่มเททำงานให้ลูกค้ามาก บางงานผมไม่ได้หลับไม่ได้นอนติดต่อกันถึง 3 วัน 3 คืน เสร็จงานก็สลบไปเลย ลูกค้าประทับใจผมมาก หลังจากนั้นก็ติดต่อให้งานผมมาตลอด

             ผมโชคดีที่ลูกค้าของผมเป็นสำนักพิมพ์ และเป็นสำนักพิมพ์ระดับใหญ่ของประเทศด้วย คือ สำนักพิมพ์ซีเอ็ด ยูเคชั่น ได้ใช้บริการ แยกสีทำเพลทที่เรามาเป็นเวลานานกว่า 15 ปีแล้ว โดยเริ่มแรกได้ทำหนังสือเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ยุคแรกๆ เลย สมัยก่อนหนังสือคอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมด น่าจะอยู่ที่ NY นะครับ ทั้งซัคเซส โปรวิชั่น ซีเอ็ด เราเป็นคนยิงฟิล์ม ทำเพลท ให้เกือบทั้งหมด ต้องขอขอบคุณสำนักพิมพ์ทั้งหลายเป็นอย่างสูง ที่นอกจากจะเรียกใช้บริการเราแล้ว ยังช่วยแนะนำลูกค้าให้เราอีกด้วยครับ

                สมัยก่อน การแยกสี ทำเพลท ยังใช้การทำด้วยมือเป็นหลัก กว่าจะได้ฟิล์ม ได้เพลทแต่ละชุด ใช้เวลานานเป็นวันๆ ต้องใช้บุคคลากร ที่มีฝีมือ มีความชำนาญจริงๆ ถ้าฝีมือไม่ดีจริงก็จะอยู่ไม่ได้ ยิ่งทำงานกับบริษัทใหญ่ ยิ่งต้องรับผิดชอบสูง เพราะปัญหาการทำหนังสือนี่ เรื่องเวลาสำคัญมาก จะหลุดไม่ได้เลย ถ้าหลุดก็จะเสียหายมากทั้งแก่ลูกค้าและตัวเราเองด้วย บริษัทของเราจึงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งในเรื่องของคุณภาพและการตรงต่อเวลา เป็นอย่างมากเลยครับ

                  เมื่อบริษัทโตขึ้น ก็ต้องมีการขยับขยาย เรามีการวางแผนขยายงานของเราทุกๆ 5 ปีนะครับ เพื่อให้ทันเทคโนโลยี ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญคือ เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ โดย 5 ปีแรกเราลงทุนซื้อเครื่อง CtF (Computer to Film) เป็นเครื่องยิงฟิล์มของฟูจิ 5 ปีต่อมาขยับเป็นเครื่อง CtP (Computer to Plate) ต่อมาก็ลงเครื่องพิมพ์ดิจิตอล PoD (Print on Demand) แล้วก็ขยายมาเปิดโรงพิมพ์ออฟเซ็ท อยู่ฝั่งตรงข้าม มีเครื่องและอุปกรณ์การพิมพ์ครบทุกอย่าง ทั้งเครื่องพิมพ์ เครื่องปั๊มอัตโนมัติ เครื่องปั๊มมือ เครื่องตัด ฯลฯ เพราะช่วงก่อนหน้านั้น งานพิมพ์มียอดพิมพ์สูงขึ้น เครื่องดิจิตอลรับไม่ไหว ถ้าจะผลักออกไปพิมพ์ข้างนอก เราก็จะคุมไม่ได้ทั้งเรื่องคุณภาพและเวลา เลยตัดสินใจเปิดโรงพิมพ์ออฟเซ็ตโดยผมจะทำเรื่องบรรจุภัณฑ์เป็นหลัก เพราะเพื่อนๆ เปิดโรงพิมพ์หนังสือกันเยอะแล้วครับ 

                   ล่าสุด เมื่อปลายปีที่แล้ว เราได้ลงเครื่องพิมพ์ใหม่ เป็นเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทหน้ากว้าง (wide format) เพื่อมารับงานทำป้าย โฆษณา เรามองว่า งานหนังสือมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เมื่องานลดน้อยลง เราจะทำอย่างไรให้ลูกน้องเราอยู่ได้ ก็เลยต้องมองหาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อให้ลูกน้องที่อยู่กันมานาน อย่างน้อยก็ 15-16 ปี มีงานทำตลอด ตอนนี้งานก็มีมากพอสมควร ยังต้องทำงาน 2 กะ อีกอย่างหนึ่งคือ งานพิมพ์เป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง ถ้าเราหยุดนิ่ง เราก็จะต้องเป็นผู้ตามเขาเรื่อยไป ทำให้เราช้า เป็นการปิดกั้นโอกาสของเราเองด้วย 

                  เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่เราติดตั้ง เป็นเครื่องจากประเทศเกาหลียี่ห้อ Dilli Neo Sun รุ่น 3204D-w2x หน้ากว้าง 3.20 เมตร พิมพ์วัสดุได้หลากหลายทั้งแบบแผ่นเรียบและแบบม้วน เราเอามาพิมพ์บนวัสดุโปร่งแสงทำป้ายสำหรับติดตู้ไฟ พิมพ์สติ๊กเกอร์ติดรถ wrap รถ พิมพ์ป้ายใหญ่ๆ ก็ได้ถึง 3 เมตร คือเครื่องนี้ผลิตงานได้หลากหลายมาก สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้หมด ภาพสีมีความละเอียด ความคมชัดมาก ต้องบอกว่า ณ ปัจจุบัน ความละเอียดที่ 600x2400 dpi ถือว่าคมชัดที่สุดแล้ว หมึกที่ใช้เป็นหมึกยูวีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีอายุการใช้งานนานถึง 3-5 ปี น่าจะเป็นอายุงานที่นานที่สุดแล้วนะครับ

                   อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเลือกซื้อเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทยี่ห้อ Dilli Neo Sun เพราะได้รับคำแนะนำจากเพื่อนรุ่นพี่ที่มีเครื่องรุ่นนี้ใช้อยู่แล้ว 2 เครื่อง เพื่อนบอกว่า Dilli Neo Sun เป็นเครื่องพิมพ์ อิงค์เจ็ทที่มีประวัติการใช้งานในเมืองไทยมานานพอสมควร ปัจจุบันมีใช้กันอยู่ประมาณ 10 เครื่อง

 

               เวลาเครื่องเสียก็สามารถช่วยเหลือกันได้ พูดถึงคุณภาพก็โอเคทั้งเรื่องของความคมชัดและเรื่องของสี ส่วนราคาก็โอเค หากเทียบกับเครื่องยุโรปแล้ว ราคาก็ถูกกว่ากันพอสมควร แต่ที่สำคัญคือทีมงานของบริษัท ซุปเปอร์ริเออร์ อิงค์เจ็ท จำกัด ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ให้การดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เลยตัดสินใจซื้อเลยครับ เครื่องนี้ติดตั้งใช้งานได้ 8 เดือนแล้ว ก็ถือว่าได้เครื่องตรงตามที่เราวางแผนไว้เลยครับ” จบข่าว

back